ความผิดเกี่ยวกับทรัพย์
ความผิดเกี่ยวกับทรัพย์
ทางเราได้วางองค์ประกอบทั้งภายในและภายนอกไว้ เพื่อให้ท่านเข้าใจฐานความผิดแต่ละฐานโดยง่ายว่าแต่ละฐานความผิดนั้นแตกต่างกันอย่างไร
- ลักทรัพย์ มาตรา 334
- ยักยอกทรัพย์ มาตรา 352
- วิ่งราวทรัพย์ มาตรา 336
ทางบริษัทฯเรามีทนายความมืออาชีพมากมาย หากท่านสนใจต้องการติดต่อได้ที่เบอร์ 063-995-3361 หรือ E-mail : sls2017law@hotmail.com, sls2017law@gmail.com
มาตรา 334 ความผิดฐานลักทรัพย์
วางหลักไว้ว่า ผู้ใดเอาทรัพย์ของผู้อื่น หรือที่ผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยไปโดยทุจริต ผู้นั้นกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ ต้องระวางโทษ...
องค์ประกอบความผิด
องค์ประกอบภายนอก
1.ผู้ใด คือ ผู้กระทำความผิด
2.เอาไป คือ การแย่งการครอบครองในลักษณะตัดรอนกรรมสิทธิ์ออกจากเจ้าของทรัพย์เดิม โดยการเข้าครอบครองพาทรัพย์นั้นเคลื่อนที่ออกไปจากที่ที่ทรัพย์เดิมเคยอยู่ แม้เพียงเคลื่อนที่เล็กน้อยก็เป็นความผิดสำเร็จแล้ว
คำพิพากษาฎีกาที่ 3011/2551 จำเลยขึ้นนั่งคร่อมจักรยานยนต์ และเข็นรถของผู้เสียหายมาจากจุดที่จอดเดิมประมาณ 1 เมตร แต่จำเลยยังไม่ทันติดเครื่องรถขับเอาไปเพราะผู้เสียหายมาพบเห็นเสียก่อน จำเลยจึงทิ้งรถวิ่งหนีไป ถือได้ว่าจาเลยเข้ายึดถือครอบครอง และเอาทรัพย์เคลื่อนไปในลักษณะที่พาเอาไปได้เป็นการลักทรัพย์สำเร็จแล้ว
3.ทรัพย์ของผู้อื่นหรือที่ผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย กล่าวคือ ทรัพย์ของใครก็ได้ที่มิใช่ของผู้กระทำความผิดเอง มิฉะนั้นแม้เข้าใจว่าเป็นทรัพย์ของบุคคลอื่น แต่ความจริงเป็นทรัพย์ของผู้กระทำความผิดนั้นเองก็ไม่มีความผิดเกิด เพราะขาดองค์ประกอบภายนอกนี้
องค์ประกอบภายใน
1. เจตนาธรรมดา คือ ผู้กระทำต้องรู้ข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบภายนอกของความผิด และผู้กระทำย่อมเล็งเห็นผลหรือประสงค์ต่อผล
2. เจตนาพิเศษ : โดยทุจริต คือ เป็นการแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น หากผู้กระทำไม่มีเจตนาที่จะทุจริตที่จะเอาทรัพย์นั้นเป็นของตนแล้ว แม้ครบองค์ประกอบภายนอกของมาตรา 334 ก็ไม่ทำให้ผู้กระทำมีความผิด
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - ความผิดฐานยักยอก 352
วางหลักไว้ว่า ผู้ใดครอบครองทรัพย์ซึ่งเป็นของผู้อื่น หรือซึ่งผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย เบียดบังเอาทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือบุคคลที่สามโดยทุจริต ผู้นั้นกระทำความผิดฐานยักยอก ต้องระวางโทษ...
ถ้าทรัพย์นั้นได้ตกมาอยู่ในความครอบครองของผู้กระทำความผิด เพราะผู้อื่นส่งมอบให้โดยสำคัญผิดไปด้วยประการใด หรือเป็นทรัพย์สินหายซึ่งผู้กระทำความผิดเก็บได้ ผู้กระทำต้องระวางโทษ...
องค์ประกอบความผิด
องค์ประกอบภายนอก
1. ผู้ใด คือ ผู้กระทำความผิด
2. ครอบครองทรัพย์ของผู้อื่นหรือซึ่งผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย
คือ การยึดถือทรัพย์นั้นเพื่อตน มีอำนาจเหนือทรัพย์นั้นและต้องมีการครอบครองทรัพย์อย่างแท้จริงไม่ใช่การยึดถือแทนบุคคลอื่น เช่น เพื่อนฝากโทรศัพท์มือถือเพื่อเข้าห้องน้ำ เป็นการยึดถือเพื่อเพื่อนที่เข้าห้องน้ำ หากเอาไปจะเป็นการลักทรัพย์ ดังเช่นฎีกานี้
คำพิพากษาฎีกาที่ 179/2507 ผู้เสียหายฝากกระเป๋าถือแก่จำเลย เพื่อเข้าห้องส้วม เป็นการฝากชั่วคราว ขณะผู้เสียหายเข้าห้องน้ำ จำเลยได้เปิดกระเป๋าเอาสร้อยกับธนบัตรไป เป็นความผิดฐานลักทรัพย์หาใช่ยักยอกไม่
3. เบียดบังเอาทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือบุคคลที่สาม
เบียดบังเอาทรัพย์ เป็นการเอาไปในลักษณะตัดกรรมสิทธิ์ออกจากเจ้าของทรัพย์เดิม ซึ่งความผิดฐานยักยอกนี้จะเป็นความผิดสำเร็จเมื่อได้มีการเบียดบัง
องค์ประกอบภายใน
1. เจตนา ผู้กระทำต้องรู้ข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบภายนอกของความผิด และผู้กระทำย่อมเล็งเห็นผลหรือประสงค์ต่อผล
2. เจตนาพิเศษ : โดยทุจริต คือ เป็นการแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น
ความแตกต่างระหว่างลักทรัพย์และยักยอก คือ
1.การครอบครอง หากยังไม่มีการครอบครองแล้วเอาไปซึ่งทรัพย์เลยจะเป็นลักทรัพย์ แต่หากมีการครอบครองทรัพย์นั้นแล้ว ต่อมาได้มีการเอาทรัพย์นั้นไป คือ เบียดบังเอาไป เป็นยักยอกทรัพย์
2.ความผิดฐานลักทรัพย์ เป็นความผิดอาญาแผ่นดินยอมความมิได้ ส่วนความผิดฐานยักยอกทรัพย์ เป็นความผิดต่อส่วนตัวยอมความกันได้
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์ 336
วางหลักไว้ว่า ผู้ใดลักทรัพย์โดยฉกฉวยเอาซึ่งหน้า ผู้นั้นกระทำความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์ ต้องระวางโทษ...
ว.2 ถ้าการวิ่งราวทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ผู้กระทำต้องระวางโทษ...
ว.3 ถ้าการวิ่งราวทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายสาหัส ผู้กระทำต้องระวางโทษ...
ว.4 ถ้าการวิ่งราวทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ผู้กระทำต้องระวางโทษ...
องค์ประกอบความผิด
องค์ประกอบภายนอก
1. ผู้ใด คือ บุคคลผู้กระทำความผิด
2. ลักทรัพย์
3.โดยฉกฉวยเอาซึ่งหน้า คือ การลักทรัพย์ต่อหน้าเจ้าของทรัพย์ในระยะประชิดและเอาทรัพย์ไปขณะที่เจ้าทรัพย์เห็นการเอาไปและผู้ต้องหารู้ว่าเจ้าทรัพย์เห็นว่าตนเอาไป เพราะหากแม้เจ้าของทรัพย์จะเห็นว่ามีคนเอาไปแต่อยู่ห่างจากตัวทรัพย์ก็ไม่ใช่การวิ่งราวทรัพย์ ตาม
คำพิพากษาฎีกาที่ 10344/2550 จำเลยใช้อุบายเข้าไปขอซื้อสินค้า เมื่อ น. ไปหยิบสินค้าและเผลอ พวกของจำเลยลงจากรถลักบุหรี่ไปจากร้านค้าของผู้เสียหาย ผู้เสียหายซึ่งอยู่ในร้านตัดผมฟากถนนตรงข้ามจะเห็นเหตุการณ์ ห่างออกไป 20 เมตร การกระทำดังกล่าวยังถือไม่ได้ว่าเอาไปต่อหน้าผู้เสียหาย การกระทำของพวกของจำเลยไม่เป็นการฉกฉวยเอาซึ่งหน้า ดังนั้น การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานร่วมกันวิ่งราวทรัพย์
องค์ประกอบภายใน
1. เจตนา ผู้กระทำต้องรู้ข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบภายนอกของความผิด และผู้กระทำย่อมเล็งเห็นผลหรือประสงค์ต่อผล
2. เจตนาพิเศษ : โดยทุจริต คือ เป็นการแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น
การกระทำในวรรคหนึ่งหากทำให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายดังนี้ จะต้องรับโทษหนักขึ้น
- ว.2 ได้รับอันตรายแก่กาย หรือ จิตใจ
- ว.3 ได้รับอันตรายสาหัส
- ว.4 ถึงแก่ความตาย
ว.2 ถึง ว.4 จะเป็นเหตุฉกรรจ์ที่ทำให้ผู้กระทำต้องรับโทษหนักขึ้น
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ความผิดฐานกรรโชก 337
วางหลักไว้ว่า ผู้ใดข่มขืนใจผู้อื่นให้ยอมให้หรือยอมจะให้ตนหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือโดยขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกขู่เข็ญหรือของบุคคลที่สาม จนผู้ถูกข่มขืนใจยอมเช่นว่านั้น ผู้นั้นกระทำความผิดฐานกรรโชก ต้องระวางโทษ...
ถ้าความผิดฐานกรรโชกได้กระทำโดย
(1) ขู่ว่าจะฆ่า ขู่ว่าจะทำร้ายร่างกายให้ผู้ถูกข่มขืนใจ หรือผู้อื่นให้ได้รับอันตรายสาหัส หรือขู่ว่าจะทำให้เกิดเพลิงไหม้แก่ทรัพย์ของผู้ถูกข่มขืนใจหรือผู้อื่น หรือ
(2) มีอาวุธติดตัวมาขู่เข็ญ
ผู้กระทำต้องระวางโทษ...
องค์ประกอบความผิด
องค์ประกอบภายนอก
1. ผู้ใด คือ บุคคลผู้กระทำความผิด
2. ข่มขืนใจ (ให้ หรือยอมจะให้ตนหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน)
เป็นการบังคับจิตใจ ซึ่งการตัดสินใจยังอยู่ที่ตัวผู้กระทำเอง แค่ผู้กระทำถูกบังคับให้ต้องตัดสินใจที่จะกระทำตามที่บังคับ และเป็นการที่ทำให้เสื่อมเสียเสรีภาพจนผู้เสียหายยอมให้ หรือ จะให้ ซึ่งความผิดในมาตรานี้ จะผิดมาตรา 309 ความผิดฐานทำให้เสื่อมเสียเสรีภาพเสมอ เพราะเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทเพราะ 337 และ 309 ต่างข่มขืนใจมุ่งเอาประโยชน์ในทรัพย์สินด้วยกัน แต่มาตรา 309 จะรวมไปถึงถูกข่มขืนใจให้กระทำอย่างอื่นด้วยไม่จำต้องให้ได้มาเฉพาะทรัพย์สินเหมือนดั่ง 337
ซึ่งในมาตรานี้เพียงแค่ผู้เสียหายยอมจะให้ก็เป็นความผิดสำเร็จแล้ว ไม่จำต้องได้ทรัพย์สินมาเหมือนดังความผิดฐานลักทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 562/2559 ผู้เสียหายทั้งสี่ยินยอมมอบเงินค่าไถ่รถยนต์ให้แก่ ว. ผู้รับจำนำ ซึ่งรับจำนำรถยนต์ของผู้เสียหายทั้งสี่รวม 10 คัน ไว้จาก บ. โดยมิชอบ ว. ขู่ผู้เสียหายที่ 1 ถึงที่ 3 ผ่าน อ. ภริยาของ บ. ทางโทรศัพท์ว่า หากผู้เสียหายที่ 1 ถึงที่ 3 ไม่ยอมให้เงินค่าไถ่รถยนต์แก่ ว. จะไม่ได้รถยนต์คืน และ ว. ยังขู่ผู้เสียหายที่ 4 ทางโทรศัพท์เคลื่อนที่ในขณะต่อรองราคาค่าไถ่ว่าถ้าผู้เสียหายที่ 4 ไม่เอาราคานี้ก็ไม่ต้องเอา โดยจะนำรถของผู้เสียหายที่ 4 ไปแยกย่อยเอง ถือเป็นการขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายต่อทรัพย์สินดังกล่าวของผู้เสียหายทั้งสี่ จนผู้เสียหายทั้งสี่จำต้องยินยอมจะให้เงินแก่ ว. เป็นค่าไถ่รถยนต์ การกระทำของ ว. ครบองค์ประกอบความผิดฐานกรรโชกแล้ว แม้ผู้เสียหายทั้งสี่จะยังไม่ได้มอบเงินค่าไถ่รถยนต์ให้แก่ ว. ส่วนจำเลยที่ 1 รับมอบหมายจาก ว. ให้มารับเงินค่าไถ่ จึงมิใช่เป็นการช่วยเหลือ การกระทำความผิดฐานกรรโชกของ ว. ได้สำเร็จเด็ดขาดไปแล้ว
อีกทั้งความผิดฐานกรรโชกมิได้มีกฎหมายบัญญัติให้ผู้เป็นคนกลางติดต่อรับมอบทรัพย์จากการกรรโชก หลังจากการกระทำความผิดสำเร็จ เป็นความผิดที่ต้องรับโทษ จึงไม่อาจลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานเป็นผู้สนับสนุนตามมาตรา 86 ได้
3. ผู้อื่น
4. โดย
- ใช้กำลังประทุษร้าย
ตามบทนิยามของมาตรา 1 (6) คือ การใช้กำลังประทุษร้ายแก่ร่างกาย หรือจิตใจของบุคคล ไม่ว่าจะทำด้วยใช้แรงกายภาพหรือด้วยวิธีอื่นใด และให้รวมถึงการกระทำใดๆที่ทำให้บุคคลหนึ่งไม่สามารถขัดขืนได้ ไม่ว่าจะโดยใช้ยาทำให้มึนเมา สะกดจิต หรือใช้วิธีอื่นใดก็ตาม
- ขู่เข็ญว่าจะอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง ทรัพย์สิน ของผู้ถูกขู่เข็ญ หรือของบุคคลที่สาม
เป็นการแสดงออกโดยทางวาจาหรือโดยทางกิริยาหรือทางอื่นให้ผู้ถูกขู่เข็ญเกิดความกลัวว่าจะเป็นอันตราย
5. จนผู้ถูกข่มขืนใจยอมเช่นว่านั้น
ต้องเป็นการกลัวจากการถูกข่มขืนใจจากตัวผู้กระทำผิดแล้วยอมทำตามนั้น หากไม่ได้มีการเกรงกลัวให้เพราะรำคาญก็ไม่ผิดมาตรานี้
องค์ประกอบภายใน
โดยเจตนา กล่าวคือ ผู้กระทำต้องรู้ข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบภายนอกของความผิด และผู้กระทำย่อมเล็งเห็นผลหรือประสงค์ต่อผลมีเจตนาจะข่มขืนใจให้เขายอมกระทำตามที่ผู้ข่มขู่ต้องการ หากเป็นการล้อกันเล่นเพื่อนแกล้งเพื่อนก็จะเป็นการขาดเจตนา ซึ่งหากขาดเจตนานี้จะทำให้ไม่มีองค์ประกอบภายในเท่ากับไม่เป็นความผิดฐานกรรโชกทรัพย์ หรือพยายามกรรโชกทรัพย์
หากผู้กระทำได้มีการขู่ดังต่อไปนี้จะต้องรับโทษหนักขึ้น
1.จะฆ่า
2.จะทำร้ายร่างกาย
3.จะทำให้เกิดเพลิงไหม้แก่ทรัพย์
4.มีอาวุธติดตัวมาขู่เข็ญ