ทนายความคดีอาญา


  • หาทนายความคดีอาญาอย่างไร เลือกทนายคดีอาญา
      คดีอาญาเป็นคดีที่ไม่มีใครอยากจะเกี่ยวข้องไม่ว่าจะในฐานะใดๆก็ตาม เมื่อมีคดีอาญาจะมีบุคคลที่มีความสำคัญที่ต้องเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยได้แก่ ทนายความ ที่ปรึษากฎหมาย อัยการ ตำรวจ ราชฑัณฑ์และศาล และที่สำคัญ จะมีจำเลย ผู้เสียหาย ผู้ต้องหา เข้ามาเกี่ยวข้องซึ่งมีผลสำคัญที่สุดเพราะเป็นคู่ความในคดี
      คดีอาญาต้องใช้ทนายเมื่อไร เมื่อเกิดปัญหา ต้องหาทนายปรึกษาทันที เพราะคดีอาญาอาจจบเรื่องได้ก่อนถึงชั้นศาล ประหยัดเวลา ค่าใช้จ่ายและทำให้ชนะคดีได้ง่ายกว่า
  • ทนายความคดีอาญา 099-096-4440 พร้อมช่วยคดี
คดีฉ้อโกง ต้องเกิดจากเจตนาทุจริต ต้องแสดงข้อเท็จจริงในอดีตหรือปัจจุบัน หลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ 
ควรว่าจ้างทนายความเมื่อใด ควรจ้างทันทีเมื่อมีเหตุที่อาจถูกดำเนินคดีเกิดขึ้นเนื่องจากศาลฎีกาได้วางแนวคำพิพากษาในปัจจุบันเปลี่ยนไปโดยให้ความสำคัญตั้งแต่คำให้การชั้นสอบสวน การเซ็นเอกสารต่อพนักงานสอบสวน พนักงานตำรวจ ย่อมมีผลในการต่อสู้คดีได้
  • การต่อสู้คดีอาญาด้วยตนเองได้ไหม
คดีอาญาเป็นคดีที่มีโทษเกี่ยวกับเสรีภาพและเกี่ยวกับทรัพย์สินแนะนำต้องให้ทนายอาญาช่วยเหลือ เพราะการสู้คดีอาญาต้องเป็นการต่อสู้กับคนที่มีความรู้ด้านกฎหมาย สู้กับตำรวจ สู้กับอัยการ หรือต่อสู้กับทนายฝ่ายตรงข้าม  
 
สอบถามเรื่องคดีได้ที่เบอร์ 099-096-4440  ,  063-995-3361 , 02-103-1961 , 02-000-4270 หรือทาง 
E - mail : SLS2017law@hotmail.com, SLS2017law@gmail.com ไอดีไลน์ slslaw1   ,   slslaw
ทนายอาญา ทนายคดีค้ามนุษย์ คดียาเสพติด ทนายสู้คดีอาญา

โทษทางอาญา,คดีอาญา

ตามกฎหมายอาญามาตรา 18 ได้กำหนดโทษไว้ 5 สถาน คือ ประหารชีวิต จำคุก กักขัง ปรับ ริบทรัพย์สิน

  • การลงโทษประหารชีวิต กฎหมายกำหนดให้ดำเนินการด้วยวิธีฉีดยาหรือสารพิษให้ตาย
  • โทษจำคุก โทษจำคุกให้เริ่มแต่วันมีคำพิพากษา แต่ถ้าผู้ต้องคำพิพากษาถูกคุมขังก่อนศาลพิพากษา ให้หักจำนวนวันที่ถูกคุมขังก่อนศาลพิพากษา ให้หักจำนวนวันที่ถูกคุมขังออกจากระยะเวลาจำคุก
              วิธีการให้ศาลยกโทษจำคุกได้ ตามมาตรา55 โทษจำคุกที่ผู้กระทำความผิดจะต้องรับมีกำหนดเพียงสามเดือนหรือน้อยกว่า ศาลจะกำหนดโทษให้น้อยลงอีกก็ได้ หรือโทษจำคุกที่ผู้กระทำผิดจะต้องรับมีกำหนดเพียงสามเดือนหรือน้อยกว่าและมีโทษปรับด้วย ศาลจะกำหนดโทษจำคุกน้อยลงหรือยกโทษจำคุกและให้เหลือเพียงปรับอย่างเดียว
  • รอการลงโทษ ตามมาตรา56 ผู้ใดกระทำความผิดซึ่งมีโทษจำคุกหรือปรับ และศาลจะลงโทษจำคุกไม่เกินห้าปีไม่ว่าจะลงโทษปรับด้วยหรือไม่ก็ตามหรือลงโทษปรับ ถ้าปรากฏว่าผู้นั้น

(๑) ไม่เคยรับโทษจำคุกมาก่อน หรือ
(๒) เคยรับโทษจำคุกมาก่อนแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ หรือเป็นโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือ
(๓) เคยรับโทษจำคุกมาก่อนแต่พ้นโทษจำคุกมาแล้วเกินกว่าห้าปี แล้วมากระทำความผิดอีก โดยความผิดในครั้งหลังเป็นความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษและเมื่อศาลได้คำนึงถึงอายุ ประวัติ ความประพฤติ สติปัญญา การศึกษาอบรมสุขภาพ ภาวะแห่งจิต นิสัย อาชีพ และสิ่งแวดล้อมของผู้นั้น หรือสภาพความผิด หรือการรู้สึกความผิด และพยายามบรรเทาผลร้ายที่เกิดขึ้น หรือเหตุอื่นอันควรปรานีแล้ว ศาลจะพิพากษาว่าผู้นั้นมีความผิดแต่รอการกำหนดโทษหรือกำหนดโทษแต่รอการลงโทษไว้ ไม่ว่าจะเป็นโทษจำคุกหรือปรับอย่างหนึ่งอย่างใดหรือทั้งสองอย่าง เพื่อให้โอกาสกลับตัวภายในระยะเวลาที่ศาลจะได้กำหนดแต่ต้องไม่เกินห้าปีนับแต่วันที่ศาลพิพากษา โดยจะกำหนดเงื่อนไขเพื่อคุมความประพฤติของผู้นั้นด้วยหรือไม่ก็ได้

          กฎหมายกำหนดวิธีการ 2 วิธี คือ มีคำพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดแต่รอการกำหนดโทษไว้ หรือศาลกำหนดโทษแต่รอการลงโทษนั้นแต่หากความปรากฏแก่ศาลว่าผู้กระทำความผิดไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนด ศาลอาจตักเตือนผู้กระทำความผิด หรืจะกำหนดการลงโทษที่ยังไม่ได้กำหนดหรือลงโทษที่รอไว้ก็ได้ 

  • โทษกักขัง เป็นโทษจำกัดเสรีภาพในร่างกายแต่เบากว่าโทษจำคุก ผู้ต้องโทษกักขังจะถูกกักตัวไว้ในสถานที่กักขังซึ่งมิใช่เรือนจำ โทษเป็นโทษที่เปลี่ยนจากโทษจำคุกมาเป็นกักขัง หากผู้กระทำความผิดซึ่งมีโทษจำคุก และในคดีนั้นศาลจะลงโทษจำคุกไม่เกินสามเดือน ถ้าไม่ปรากฏว่าผู้นั้นได้รับโทษจำคุกมาก่อน หรือปรากฏว่าได้รับโทษจำคุกมาก่อนแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาท หรือความผิดลหุโทษ ศาลจะให้ลงโทษกักขังไม่เกินสามเดือนแทนโทษจำคุกนั้นก็ได้
  • โทษปรับ ผู้ใดต้องโทษปรับ ผู้นั้นจะต้องชำระเงินตามจำนวนที่กำหนดไว้ในคำพิพากษาต่อศาล

กรณีไม่ชำระค่าปรับภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ศาลพิพากษา ศาลจะยึดทรัพย์สินเพื่อใช้ค่าปรับสั่งให้กักขังแทนค่าปรับ แต่ถ้าศาลเห็นว่าผู้นั้นจะหลีกเลี่ยงไม่ชำระค่าปรับ ศาลจะสั่งเรียกประกันหรือจะสั่งให้กักขังผู้นั้นแทนค่าปรับไปก่อนก็ได้

  • โทษริบทรัพย์สิน ได้แก่ ทรัพย์สินซึ่งบุคคลได้ใช้ หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิด หรือทรัพย์สินซึ่งบุคคลได้มาโดยได้กระทำความผิด เว้นแต่เป็นทรัพย์สินของผู้อื่นซึ่งมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิด
Visitors: 32,439